สล็อตแตกง่ายสยอง! ลุงป่วย โรคแอสเปอร์จิลโลสิส ปอดติดเชื้อ หลังรื้อหนังสือเก่า

สล็อตแตกง่ายสยอง! ลุงป่วย โรคแอสเปอร์จิลโลสิส ปอดติดเชื้อ หลังรื้อหนังสือเก่า

หมอมนูญเตือนหลังเจอลุง 79 ป่วยเป็น โรคแอสเปอร์จิลโลสิส สล็อตแตกง่ายปอดติดเชื้อ หลังรื้อหนังสือเก่า แนะใส่หน้ากากเวลารื้อของเก่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเตือนประชาชนหลังพบมีผู้ป่วยเป็นโรคแอสเปอร์จิลโลสิส ปอดติดเชื้อขณะรื้อหนังสือเก่า แนะใส่แมสก์เวลารื้อของเก่า

หมอมนูญเล่าถึงกรณีดังกล่าวว่า “ผู้ป่วยชายอายุ 79 ปีเตรียมย้ายบ้านที่บางแค กทม.

ไปอยู่คอนโด ให้คนในบ้าน 2 คนรื้อหนังสือเก่าๆที่เก็บสะสมไว้มากกว่า 20 ปี กระดาษหนังสือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อนำไปทิ้ง และเก็บไว้เพียงบางเล่ม ผู้ป่วยนั่งอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลา 2 ชั่วโมงขณะรื้อหนังสือ โดยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 หลังจากนั้น 9 วันเริ่มมีไข้ ไอแห้งๆ เหนื่อยบ้าง

ผู้ป่วยเป็นโรคเส้นประสาทอักเสบแบบระยะเรื้อรัง (Chronic inflammatory demyelinating polyradiculoneuropathy หรือ CIDP หรือโรคซีไอดีพี) ทำให้แขนขาชาและอ่อนแรง 3 เดือน กำลังรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ขนาดสูงและยากดภูมิเซลเซ็ป (cellcept) ตรวจร่างกาย มีไข้ อุณหภูมิ 38.1 องศาเซลเซียส ฟังเสียงปอดปกติ เอกซเรย์ปอดผิดปกติทั้ง 2 ข้าง (ดูรูป) ทำคอมพิวเตอร์สแกนปอด พบโพรงเล็กๆในบริเวณปอดที่มีปื้นสีขาวหลายตำแหน่งในปอดทั้ง 2 ข้าง (ดูรูป) ส่องกล้องเข้าไปดูในปอด พบเสมหะสีขาวเล็กน้อย ส่งเสมหะที่ดูดจากหลอดลมไปตรวจ ย้อมพบเชื้อราสาย ไม่พบวัณโรค เพาะเชื้อราขึ้นแอสเปอร์จิลลัส ฟูมิกาทัส (aspergillus fumigatus) และ aspergillus spp อีกตัวหนึ่งไม่ทราบสปีชี่ส์ (ดูรูป) ส่งน้ำล้างปอดวัดระดับ bronchial aspergillus galactomannan ให้ผลบวก ยืนยันการติดเชื้อรา aspergillus

สรุป: ผู้ป่วยรายนี้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากกินยาสเตียรอยด์และยากดภูมิ ติดเชื้อรา aspergillus จากการสูดดมหายใจสปอร์ของเชื้อรา aspergillus ที่เจริญงอกอยู่ในเนื้อกระดาษที่ชื้นของหนังสือเก่าๆลอยออกมาในอากาศขณะหนังสือถูกรื้อ เข้าไปในปอด ทำให้เกิดโรคแอสเปอร์จิลโลสิส ปอดติดเชื้อราแอสเปอร์จิลลัสชนิดรุกราน (invasive pulmonary aspergillosis) ให้การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา ชนิดกินวอริโคนาโซล (voriconazole) คนไข้ค่อยๆดีขึ้น คนที่ช่วยย้ายหนังสือ ไม่มีใครป่วย ถึงจะสูดดมสปอร์ของเชื้อรา เพราะสุขภาพแข็งแรง มีภูมิต้านทานดี

คำแนะนำ: ขอให้คนที่ร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว มีภูมิคุ้มกันต่ำ ใส่หน้ากากอนามัยเวลารื้อหนังสือเก่าๆในบ้าน หรือทางที่ดีที่สุด หลีกเลี่ยงอยู่ในห้องที่กำลังรื้อหนังสือ เพราะอาจหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราเข้าปอด ทำให้ติดเชื้อราในปอดได้”

แจง ตำรวจหัวปักพื้น กลางร้านอาหาร ชี้สาธิตให้ดู ไม่ได้โชว์พาว

ตำรวจชี้แจงกรณีคลิป ตำรวจหัวปักพื้น กลางร้านอาหาร ชี้สาธิตให้ดูเฉยๆ ไม่ได้โชว์พาว ขอโทษประชาชนที่สร้างความไม่สบายใจ จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปของตำรวจทำท่าหัวปักพื้นกลางร้านอาหารแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.สงขลา  และมีการถ่ายเข้ากรุ๊ปกันอย่างสนุกสนาน จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมและตั้งคำถามกันเป็นอย่างมากนั้น

ล่าสุด บช.ตชด. กล่าวถึงกรณีสั่งตำรวจทำท่าหัวปักดินกลางร้านอาหารว่า เหตุในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. โดย ชุดปฏิบัติการข่าว กก.ตชด.43 ได้ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และได้มาร่วมรับประทานอาหารด้วยกันหลังภารกิจเสร็จสิ้น โดยจุดที่นั่งอยู่นั้นเป็นจุดที่ไม่มีลูกค้าคนอื่นมองเห็น

ในระหว่างรับประทานอาหาร ส.ต.ต.ภูผา พุ่มไสว ผบ.หมู่ กก.ตชด.43 ได้พูดคุยกับตำรวจรุ่นพี่ที่ร่วมรับประทานอาหารว่าเขามีความประสงค์จะเข้ารับการฝึกหลักสูตรต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบอกว่าได้เตรียมความพร้อมของร่างกายมาเป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อตำรวจรุ่นพี่ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ มาแล้ว ได้ยินคำพูดนั้น จึงได้บอกไปว่า “ต้องเตรียมความพร้อมของร่างกาย ตั้งแต่การดึงราว ลุกนั่ง ดันพื้น รวมไปถึงการบริหารกล้ามคอต้องมีความแข็งแรงเพื่อที่จะผ่านการทดสอบร่างกายและได้เข้ารับฝึกอบรม

เมื่อ ส.ต.ต.ภูผา พุ่มไสว ได้ยินคำพูดดังกล่าว จึงได้บอกกับรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ว่า เขามีความพร้อมและหมั่นฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และได้สาธิตให้รุ่นพี่ดูและเมื่อเห็นว่าท่าทางยังไม่ถูกต้อง ร.ต.ต.จิตรทวัส ชูบุญลาภ รอง สว.กก.ตชด.43 ซึ่งเป็นตำรวจรุ่นพี่จึงได้ทำท่าหัวปักพื้นที่ถูกต้องให้ดูเป็นตัวอย่างโดยไม่ได้มีการสั่งลงโทษรุ่นน้อง ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

จากการสอบถามตำรวจในคลิปนั้น ทางตำรวจก็ยอมรับว่าคือตนจริงและยืนยันว่า ไม่มีเจตนาจะแสดงอำนาจหรือกลั่นแกล้งรุ่นน้องแต่อย่างใด จึงได้กำชับมิให้มีการกระทำดังกล่าวอีก รวมถึงกำชับให้ระมัดระวังการใช้สื่อโซเชียลอย่างเหมาะสม

พร้อมขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจคล้ายกับข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ดีในประเด็นของเรื่องมึนเมานั้น ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดจริง ก็ต้องดำเนินการด้านวินัยต่อไป